วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561




การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (intravenous injection)

วัตถุประสงค์
 1 .รักษาภาวะสมดุลของน้ำและสารน้ำในร่างกาย
2 .ให้สารอาหาร วิตามินและเป็นแหล่งพลังงานแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทานอาหารทางปากได้
3 .รักษาภาวะสมดุลของกรด-ด่างในร่างกาย
4 .รักษาภาวะสมดุลปริมาตรของเลือดและส่วนประกอบของเลือด
5.ให้ยาฉีดบางชนิดเข้าทางหลอดเลือดดำ

การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (intravenous injection)
หมายถึง การให้สารน้ำที่ปลอดเชื้อและมีปริมาณมากๆเข้าทางหลอดเลือดดำ โดยตรงที่ละหยด ซึ่งอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก

ชนิดของสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
สารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1. Isotonic solution เป็นสารน้ำที่มีความเข้มข้น (osmolarity) เท่ากับสารน้ำในร่างกาย
ให้เพื่อทดแทนสารน้ำที่ร่างกายสูญเสีย เป็นการทดแทนน้ำที่อยู่นอกเซลล์ (extracellular volume)
เช่น ในรายที่ผ่าตัด เป็นต้น ตัวอย่างสารน้ำที่เป็น Isotonic solution คือ Ringer’s lactate, Ringer’s
acetate, 0.9% sodium chloride (normal saline) และ dextrose 5% in water สารน้ำชนิดนี้เป็น
ชนิดที่ใช้มากที่สุด
2. Hypotonic solution เป็นสารน้ำที่มีความเข้มข้นน้อยกว่าสารน้ำในร่างกาย ซึ่งมีผล
ให้เซลล์ขยายตัว และบวม ใช้เพื่อทดแทนสารน้ำที่ร่างกายสูญเสีย โดยที่ระดับของโซเดียมในพลาสมา
ไม่เพิ่มขึ้นตัวอย่างสารน้ำที่เป็น hypotonic solution คือ 0.45% sodium chloride
3. Hypertonic solution เป็นสารน้ำที่มีความเข้มข้นมากกว่าสารน้ำในร่างกาย สารน้ำ
ชนิดนี้จะดึงน้ำเข้าช่องว่างของหลอดเลือด (vascular space) ด้วยกระบวนการออสโมซิส (osmosis)
เป็นผลให้เพิ่มปริมาณน้ าในหลอดเลือด และอาจนำไปสู่การเกิดภาวะน้ำท่วมปอด (pulmonary edema)
ซึ่งหากเกิดภาวะนี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจวายหรือโรคไตวายจะเป็นอันตรายมาก ตัวอย่างของสารน้ำที่เป็น
hypertonic solution คือ dextrose 10% in water, 3-5% sodium chloride, dextrose 5% in
0.9% sodium chloride เป็นต้น







            การเลือกใช้ชนิดของสารน้ำ จะพิจารณาจากภาวะพร่องสมดุลสารน้ำและเกลือแร่ของ
ผู้ป่วยแต่ละราย บางกรณีแพทย์อาจมีคำสั่งการรักษาให้ผสมวิตามินหรือเกลือแร่บางชนิดเข้า
ไปในขวดสารน้ำ เช่น โปแตสเซียมคลอไรด์ (potassium chloride) เป็นต้น ตัวอย่างคำสั่งการรักษา
ของแพทย์ เช่น 5%D/ N/ 2 1,000 mL+KCl 20 mEq+multivitamin 1 ampule IV drip rate 120
mL/ hr หมายความว่าให้เติมโปแตสเซียมคลอไรด์จำนวน 20 mEq (โปแตสเซียมคลอไรด์1 mL มี
ความเข้มข้น 2 mEq) และ multivitamin จ านวน 1 ampuleลงในสารน้ำชนิด 5%D/ N/ 2 ขนาด
1,000 mL และให้ทางหลอดเลือดดำด้วยอัตราการหยด 120 mL ต่อ 1 ชั่วโมง ข้อควรระวังคือ
ห้ามฉีดโปแตสเซียมคลอไรด์เข้าหลอดเลือดดำโดยตรง หรือให้ด้วยอัตราหยดที่เร็วเกินไปเพราะอาจทำ
ให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้


อุปกรณ์ 1สารน้ำ 2ป้ายปิดขวดสารน้ำ 3ชุดให้สารน้ำบรรจุซองผ่านการฆ่าเชื้อ 4เข็ม(IV catheter) 5พลาสเตอร์ 6สำลีเเอลกอฮอล์ 70% 7สายยางรัด (tourniquet) 8สติ้กเกอร์สีตามวันที่ครบกำหนดเปลี่ยนเข็ม 9ถุงมือสะอาด

           

วิธีการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ (Implementation)

1 ล้างมือแบบ Hygienic hand washing หรือ Alcohol hand rubs ให้สะอาดก่อนการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำทุกครั้ง ในทางปฏิบัติในหอผู้ป่วยนิยมใช้ Herbricide-inhibited scrub และควรสวมถุงมือเพื่อป้องกันการสัมผัสกับเลือดของผู้ป่วย

2 เปิดชุดให้สารน้ำ (Administration set) ที่ปราศจากเชื้อต่อกับขวดสารน้ำ (IV Container) ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ (Aseptic technique) ดังนี้

ดึงแผ่นพลาสติกหรือฝาครอบที่ปิดขวดสารน้ำออก เช็ดจุกยางที่ขวด / ถุงสารน้ำด้วยสำลีชุบ Alcohol 70% ระวังการปนเปื้อนขณะแทงชุดให้สารน้ำผ่านเข้าไปในจุกยางที่ขวดสารน้ำ

เปิดชุดให้สารน้ำ เลื่อน Roller clamp ลงมาที่ปลายชุดให้สารน้ำ เพื่อไล่อากาศออกจากสาย ปิด clamp ไว้ก่อน ถ้าเป็นชุดให้สารน้ำชนิดควบคุมปริมาตร (Volutone Set) ต้องปิด Clamp ทั้ง 2 ตำแหน่ง จากนั้น นำชุดให้สารน้ำที่ปราศจากเชื้อส่วนปลายแหลม (spike) ต่อกับขวดสารน้ำด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ (Aseptic technique) ด้วยวิธีหมุน (Twisting motion) และดันเข้าไป (Pushing motion) (หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต : manufacturer's directions for insertion)

แขวนขวดสารน้ำที่เสาแขวน ให้สูงประมาณ 1 เมตร หรือ 3 ฟุต จากตัวผู้ป่วย

บีบกระเปาะชุดให้สารน้ำ (drip chamber) ให้สารน้ำลงมาในกระเปาะประมาณ ½ ของกระเปาะ ปริมาณสารน้ำในกระเปาะไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้ามากเกินไปจะทำให้ไม่สามารถนับจำนวนหยดของสารน้ำได้ หรือถ้าน้อยเกินไปจะทำให้ฟองอากาศเข้าไปในสาย และอาจหลุดลอยเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะ air embolism

เปิด clamp ให้สารน้ำผ่านชุดให้สารน้ำตลอดเต็มสาย เพื่อไล่อากาศออกจากสายและปิดฝาครอบที่ส่วนปลาย (Tip) ไว้ก่อน โดยไม่ต้องนำที่สวมปลอกเข็มของชุดให้สารน้ำ (cap) ออก (คำแนะนำบางบริษัทผู้ผลิตแนะนำให้นำ cap at the end of tubing ออกขณะไล่อากาศแต่ต้องยึดหลักสะอาดปราศเชื้อ) ให้ไล่อากาศจนถึงปลายเข็ม เมื่อไล่อากาศเสร็จแล้ว ให้เลื่อน roller clamp ระยะประมาณ 2 to 5 cm (1 to 2 inches) ใต้ drip chamber และปิดไว้ก่อน

3 ตรวจสอบชื่อ-สกุลของผู้ป่วยให้ตรงกับใบให้สารน้ำอีกครั้ง และบอกให้ผู้ป่วยทราบ

4 การเลือกขนาดและตำแหน่งหลอดเลือดดำเพื่อให้สารน้ำ (Venipuncture site, common IV Site) ควรเลือกตำแหน่งหลอดเลือดดำที่แขนส่วนปลายก่อน ควรเป็นแขนข้างที่ไม่ถนัด เพื่อให้ผู้ป่วยใช้แขนข้างถนัดทำกิจวัตรได้ สำหรับผู้ป่วยเด็กเล็ก ควรเลือกหลอดเลือดบริเวณศีรษะ คอ และหลังมือ-หลังเท้าขนาดและลักษณะหลอดเลือดดำที่เหมาะสม คือ ตรง ไม่อยู่ตรงตำแหน่งที่ขยับหรือเคลื่อนไหวมาก เช่น ข้อพับ เนื่องจากเสี่ยงที่จะแตกได้ง่าย และไม่เกี่ยวข้องกับส่วนที่มีพยาธิสภาพของร่างกาย วิธีเลือกหลอดเลือดดำประกอบด้วยการดูและใช้นิ้วชี้กด (Index finger pressing downward)

4.1 หลอดเลือดดำที่เหมาะสมสำหรับการให้สารน้ำ (Venipuncture site, common IV Site) ได้แก่

บริเวณแขน: Cephalic vein, Assessory cephalic vein, Metacarpal และ Basilic vein (INS, 2006)

บริเวณหลังมือ (dorsal of the hand): เป็นบริเวณที่ใช้ได้สำหรับผู้ป่วยบางคน เนื่องจากจะเจ็บมาก (I.V. Rounds, 2008) ควรเลือกตำแหน่งที่แทงห่างจากข้อพับไม่น้อยกว่า 2 นิ้วฟุต (5 เซนติเมตร)

4.2 ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่                                    




บริเวณข้อพับ ปุ่มกระดูก ตำแหน่งที่เป็นโรคผิวหนัง มีบาดแผล หลอดเลือดที่บอบช้ำ และบริเวณที่มีการไหลเวียนไม่สะดวก

กรณีผู้สูงอายุไม่ควรให้ตรงตำแหน่งหลอดเลือดส่วนปลาย เนื่องจากหลอดเลือดแข็ง ลิ้นของหลอดเลือดดำอาจเสียหน้าที่ ทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายไม่ดีเกิดการอักเสบได้ง่าย

หลีกเลี่ยงหลอดเลือดดำที่ขาเนื่องจากหลอดเลือดดำมีลิ้น ทำให้การไหลเวียนเลือดช้า เกิดการอักเสบได้ง่ายเสี่ยงต่อการเกิด embolism และ thrombophlebitis

ไม่เลือกบริเวณที่ผ่าตัด

5 รัดสายยางรัดแขนเหนือบริเวณที่จะแทงเข็ม (insertion site) แบบเงื่อนกระตุก โดยรัดสายยางรัดแขนเหนือบริเวณที่จะแทงเข็มประมาณ 10-15 เซนติเมตร (4-6 นิ้วฟุต) หรือใช้ BP Cuff inflate ต่ำกว่า normal diastolic pressure (อย่างน้อย 50 mmHg) ปมสายยางควรรัดอยู่ด้านข้าง ไม่ควรอยู่ในแนวหลอดเลือดดำ เพื่อช่วยให้เห็นหลอดเลือดดำได้ชัดเจน

6 ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะแทงเข็ม โดยเช็ดสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% วนจากด้านในออกไปด้านนอก กว้าง 2 - 4 เซนติเมตร รอแอลกอฮอล์ระเหย แล้วจึงแทงเข็ม โดยไม่สัมผัสตรงจุดบริเวณที่แทงเข็ม เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อโรค

7 ตรึงผิวหนังที่จะแทงเข็มด้วยแม่ข้างที่ไม่ถนัด โดยดึงผิวหนังลงต่ำกว่าบริเวณที่จะแทงเข็มประมาณ 4-5 เซนติเมตร (1.5-2 นิ้วฟุต)

8 แทงเข็มโดยหันปลายปาด (Bevel) ขึ้นด้านบน แทงเข็มทำมุม 10-30 องศา กับผิวหนัง เมื่อเข็มผ่านผิวหนังให้ลดมุมเข็มลงจนเกือบขนานกับผิวหนัง

9 เมื่อเข็มเข้าหลอดเลือดดำ สังเกตได้จากการมีเลือดไหลย้อนออกมาจากเข็ม ให้หยุดแทง และดัน catheter ส่วนที่เป็นพลาสติกเข้าไปในหลอดเลือด ประมาณ ¼ นิ้วฟุต มือข้างที่ไม่ถนัดยังคงจับผิวหนังไว้ พร้อมกับการปลดสายยางรัดแขนออกมาเบา ๆ ระวังการดึงรั้งของผิวหนัง เพื่อป้องกันหลอดเลือดดำที่แทงนั้นแตก ตรึงหัวเข็มให้นิ่งไม่เคลื่อนไปมา ดึงแกนโลหะออก แล้วต่อปลายชุดให้สารน้ำกับหัวเข็มด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ ดูแลให้ข้อต่อต่างๆอยู่ในระบบปิด

10 เปิด clamp ให้สารน้ำหยดเข้าไปในหลอดเลือดอย่างช้า ๆ ถ้ามีเลือดออกมาที่บริเวณที่แทงเข็ม ให้เช็ดตำแหน่งที่แทงเข็มและบริเวณรอบ ๆ ด้วยสำลีชุบ 70% Alcohol อีกครั้งรอจนแห้ง ใช้แผ่นปิดโปร่งใสปลอดเชื้อปิดทับบริเวณที่แทงเข็ม โดยไม่ติดทับส่วนเป็นข้อต่อของสายชุดให้สารน้ำ และม้วนสายชุดให้สารน้ำเป็นวง เพื่อช่วยป้องกันการดึงรั้งและเลื่อนหลุดของcatheter ติดแถบสีหรือบันทึก วัน/เวลา ตรงด้านบนของแผนปิดโปร่งใส เพื่อระบุเวลาที่แทงเข็ม เนื่องจาก catheter จะครบเปลี่ยนหลังการใช้งานนาน 96 ชั่วโมง

11 เริ่มให้สารน้ำโดยปรับอัตราและควบคุมอัตราการไหลของสารน้ำตามแผนการรักษา/ อัตราที่เขียนไว้ในใบให้สารน้ำที่ติดอยู่ข้างขวด/ ถุงสารน้ำ

12 ตรวจสอบไม่ให้สายชุดให้สารน้ำหักพับงอ

13 ติดแผ่นสีวันครบเปลี่ยนชุดสารน้ำ ใต้บริเวณกระเปาะชุดให้สารน้ำ ระยะห่าง 1 นิ้ว โดยเปลี่ยนทุก 72 ชั่วโมง

14 บันทึกการให้สารน้ำในบันทึกทางการพยาบาลและใบ MAR




การคำนวณอัตราการหยดของสารน้ำ


การคำนวณสิ่งสำคัญที่ต้องดูคือ set ที่ใช้ เป็น แบบ กี่ drop ต่อ 1 cc เสมอ และแพทย์สั่งในกี่นาที จำนวนหยด/นาที = [ จำนวนสารน้ำที่แพทย์สั่ง (มิลลิลิตร) x จำนวนหยดใน 1 มิลลิลิตร ] / ระยะเวลาที่ต้องการให้ (นาที) ตัวอย่าง : แพทย์ต้องการให้สารน้ำ ปริมาณ 1000 มิลลิลิตร ในเวลา 8 ชั่วโมง ถ้ากำหนดให้จำนวนหยอดสารน้ำใน 1 มิลลิลิตร เท่ากับ 10 หยด อัตราการหยดของสารน้ำชนิดนี้ในผู้ป่วยคิดเป็นอัตราเร็วเท่าใดในหน่วยหยดต่อนาที วิธีทำ แทนค่าในสมการ อัตราเร็วในการบริหาร (หยด/นาที) = [ 1,000 มิลลิลิตร x 10 หยด/มิลลิลิตร ] / 480 นาที = 20 หยด/นาที ตัวอย่าง : ถ้าต้องการให้ D5W 1,000 มิลลิลิตร หยดให้หมดในเวลา 10 ชั่วโมง จะต้องให้จำนวนกี่หยอดต่อนาที หากใช้ชุดสารน้ำชนิด 15 หยดต่อ 1 มิลลิลิตร วิธีทำ หากใช้ชุดให้สารน้ำชนิด 15 หยด/1 มิลลิลิตร D5W 1 ml = 15 drops D5W 1,000 ml = (15 drops x 1,000 ml) / 1 ml = 15,000 drops เวลาทั้งหมด 10 ชั่วโมง คิดเป็น 600 นาที เวลา 600 นาที ให้ D5W ได้ 15,000 drops เวลา 1 นาที ให้ D5W ได้ = (15,000 drops x 1 min) / 600 min = 25 drops/min




   



คำแนะนำการให้สารน้ำ

1 สังเกตบริเวณที่แทงเข็มหากมีอาการปวด บวม แดง ร้อนให้รีบบอกพยาบาลทันที

2 ห้ามปรับตัวควบคุมการไหลของสารน้ำเองเนื่องจากจะทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับสารน้ำตามแผนการรักษา

3 ระวังไม่ให้บริเวณหัวเข็มเปียกชื้นเนื่องจากจะทำให้ติดเชื้อได้

4 ระวังไม่ให้มีการพับงอหรือกดทับบริเวณสายยางของชุดให้สารน้ำเนื่องจากจะทำให้สารน้ำไม่ไหลได้

5 ระวังไม่ให้เกิดการดึงรั้งของสายยางชุดให้สารน้ำหรือเข็มซึ่งอาจทำให้เกิดการเลื่อนหลุดของเข็มพลาสติกได้

6 หากต้องลุกขึ้นจากเตียงให้ยกขวดสารน้ำขึ้นสูงเหนือศีรษะและวางมือที่สอดเข็มพลาสติกให้อยู่ในแนวระนาบระดับเอวไม่ควรห้อยแขนหรือบริเวณที่ให้สารน้ำลดต่ำลงเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเข้ามาในเข็มและให้สารน้ำ


ผลข้างเคียงในการให้น้ำเกลือ
การให้น้ำเกลือ อาจมีผลข้างเคียงทั่วไป อย่างอาการปวด หรือเกิดรอยนูนแดงบริเวณที่ฉีดน้ำเกลือ และผู้ป่วยจะปัสสาวะบ่อยขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้การให้น้ำเกลือจะมีประสิทธิผลทางการรักษาในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญได้ในผู้ป่วยบางราย เช่น
1. วิงเวียนศีรษะ
2. ปวดบวมบริเวณที่ถูกฉีดน้ำเกลือเข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ หรืออาการปวดบวมนั้นไม่หายไป
3. มีอาการแพ้ เช่น มีไข้ มีผดผื่นแดง หรือมีผื่นคัน หน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก 4. 4. กล้ามเนื้อกระตุก กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
5. ภาวะชัก
6. ความดันโลหิตสูง
7. ภาวะโซเดียมในเลือดสูง
8. ภาวะความผิดปกติของเกลือแร่ในเลือด
9. ภาวะคั่งน้ำ
10. ภาวะหัวใจล้มเหลว
11. ภาวะเลือดออกในโพรงสมองในทารกแรกเกิด
12. ไตได้รับความเสียหาย


การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ( intravenous injection ) วัตถุประสงค์   1 . รักษาภาวะสมดุลของน้ำและสารน้ำในร่างกาย 2 . ...